กรดไหลย้อนห้ามกินอะไร?

กรดไหลย้อนเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลาและมีความเครียดสูง อาการของโรคนี้มักเกิดขึ้นเมื่อกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาสู่หลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกและคอ รวมถึงอาการอื่น ๆ เช่น ปวดท้อง เรอบ่อย หรือคลื่นไส้ การรักษาอาการกรดไหลย้อนนั้น นอกจากการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารก็เป็นสิ่งสำคัญ ในบทความนี้ เรามาดูกันว่า กรดไหลย้อนห้ามกินอะไรบ้าง เพื่อช่วยบรรเทาอาการและป้องกันการเกิดซ้ำ

กรดไหลย้อนห้ามกินอะไรกับ 10 อาหารที่ควรเลี่ยง

การเลือกรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมเป็นวิธีที่ดีในการควบคุมอาการกรดไหลย้อน ต่อไปนี้คือ 10 ประเภทอาหารที่ผู้ป่วยกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยง

1. อาหารมันและทอด

อาหารที่มีไขมันสูงและอาหารทอดเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากอาหารเหล่านี้ย่อยยากและใช้เวลานานในการย่อย ทำให้กระเพาะอาหารต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้หูรูดที่กั้นระหว่างกระเพาะอาหารและหลอดอาหารคลายตัว เพิ่มโอกาสที่กรดจะไหลย้อนขึ้นมา นอกจากนี้ ไขมันยังกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้อาการรุนแรงขึ้น

2. อาหารหมักดอง

อาหารหมักดองเป็นอีกหนึ่งประเภทอาหารที่ผู้ป่วยกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากในกระบวนการหมักดองมักมีการใช้กรดหรือเกลือในปริมาณสูง ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น นอกจากนี้ อาหารหมักดองบางชนิดยังมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ ซึ่งสามารถทำให้หูรูดของหลอดอาหารคลายตัว เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการกรดไหลย้อน

3. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์มีผลทำให้กล้ามเนื้อหูรูดที่กั้นระหว่างกระเพาะอาหารและหลอดอาหารคลายตัว ทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร และอาจทำให้เยื่อบุหลอดอาหารระคายเคือง ทำให้อาการกรดไหลย้อนรุนแรงขึ้น

4. ช็อคโกแลต

ช็อคโกแลตเป็นอาหารที่ผู้ป่วยกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากมีสารที่เรียกว่า theobromine ซึ่งมีคุณสมบัติในการคลายกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหาร ทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาได้ง่าย นอกจากนี้ ช็อคโกแลตยังมีไขมันและคาเฟอีนซึ่งสามารถกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร และทำให้อาการกรดไหลย้อนรุนแรงขึ้นได้

5. อาหารรสเผ็ดจัด

อาหารรสเผ็ดจัดเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากความเผ็ดสามารถกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร และทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร นอกจากนี้ อาหารเผ็ดยังอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนในช่องท้องและหน้าอก ซึ่งคล้ายคลึงกับอาการของกรดไหลย้อน ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายมากขึ้น

อาหารรสเผ็ดจัด

6. ผลไม้ที่มีกรดสูง

ผู้ป่วยกรดไหลย้อนควรระมัดระวังในการรับประทานผลไม้ที่มีกรดสูง เช่น ส้ม มะนาว สับปะรด และเกรพฟรุต เนื่องจากกรดในผลไม้เหล่านี้สามารถกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร และอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุหลอดอาหารที่อักเสบอยู่แล้ว นอกจากนี้ กรดจากผลไม้ยังอาจทำให้อาการแสบร้อนในช่องท้องและหน้าอกรุนแรงขึ้น ควรเลือกรับประทานผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นด่างแทน เช่น กล้วย แตงโม หรือเมลอน

7. หมากฝรั่ง

การเคี้ยวหมากฝรั่งอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยกรดไหลย้อน แม้ว่าการเคี้ยวจะช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลายซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่าง แต่การเคี้ยวต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้กระเพาะอาหารผลิตกรดมากขึ้น นอกจากนี้ การกลืนอากาศระหว่างการเคี้ยวอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ซึ่งเพิ่มแรงดันและทำให้กรดไหลย้อนได้ง่ายขึ้น หากต้องการเคี้ยวหมากฝรั่ง ควรเลือกชนิดที่ไม่มีน้ำตาลและเคี้ยวในระยะเวลาสั้น ๆ

8. เครื่องดื่มที่อัดแก๊ส

เครื่องดื่มที่อัดแก๊สหรือน้ำอัดลมเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากฟองแก๊สในเครื่องดื่มเหล่านี้สามารถทำให้เกิดแรงดันในกระเพาะอาหาร ส่งผลให้กรดไหลย้อนขึ้นมาสู่หลอดอาหารได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ เครื่องดื่มที่อัดแก๊สส่วนใหญ่ยังมีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งสามารถกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร และทำให้อาการกรดไหลย้อนรุนแรงขึ้น

9. นม

แม้ว่านมจะมีฤทธิ์เป็นด่างและอาจช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนในระยะสั้น แต่ในระยะยาวอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยกรดไหลย้อน เนื่องจากนมมีไขมันสูงซึ่งใช้เวลาในการย่อยนาน ทำให้กระเพาะอาหารต้องทำงานหนักขึ้น และอาจกระตุ้นการหลั่งกรดเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการแพ้นมหรือ lactose intolerance อาจมีอาการท้องอืดหรือท้องเสีย ซึ่งอาจทำให้อาการกรดไหลย้อนแย่ลง หากต้องการดื่มนม ควรเลือกนมไขมันต่ำหรือนมถั่วเหลืองแทน

10. ข้าวสาลี

ข้าวสาลีและผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลีอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยกรดไหลย้อนบางราย โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการแพ้กลูเตนหรือมีความไวต่อกลูเตน เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง หรือท้องเสีย ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ นอกจากนี้ อาหารที่มีข้าวสาลีเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น ขนมปัง พาสต้า หรือซีเรียล มักมีคาร์โบไฮเดรตสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดการหมักในกระเพาะอาหารและเพิ่มการผลิตกรด ผู้ป่วยกรดไหลย้อนอาจพิจารณา

ข้าวสาลี

การที่เรารู้ว่า เมื่อเป็นกรดไหลย้อนห้ามกินอะไรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่มีอาการนี้ การหลีกเลี่ยงอาหารที่กล่าวมาข้างต้น เช่น อาหารมันและทอด อาหารรสเผ็ดจัด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารที่มีกรดสูง สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการและป้องกันการเกิดซ้ำได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยแต่ละคนอาจมีความไวต่ออาหารแตกต่างกัน ดังนั้น การสังเกตอาการของตนเองและปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีแก้กรดไหลย้อนวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากการควบคุมอาหาร การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต เช่น การรับประทานอาหารในปริมาณน้อยแต่บ่อยครั้ง การหลีกเลี่ยงการนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร และการรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือมองหาผลิตภัณฑ์สมุนไพรแก้กรดไหลย้อนก็เป็นวิธีที่ช่วยจัดการอาการกรดไหลย้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากสนใจอยากซื้อสินค้าก็สามารถกดเข้าไปสั่งกันได้ที่ช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

  • หน้าเว็บไซต์ NaturalCode-Thailand.com 
  • สั่งซื้อผ่านทางอีเมล sales@naturalcode-thailand.com 
  • โทรสั่งซื้อสินค้าได้โดยตรงที่ Customer care เบอร์ 087-0891500 หรือ 02-7207920