high sugar fruits that diabetic patients should avoid

ไหนใครรักสุขภาพมาทางนี้! เชื่อว่าหลาย ๆ คนมีความชื่นชอบการทานผลไม้เป็นชีวิตจิตใจ เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย และด้วยรสชาติที่อร่อย แต่รู้หรือไม่ว่า? การทานผลไม้มาก ๆ นั้น สามารถก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายได้เช่นกัน โดยเฉพาะผลไม้ที่มีค่า gi สูง หรือ ผลไม้น้ำตาลสูงนั่นเอง ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ตามมา ที่พบบ่อยมากเลยก็ คือ เบาหวาน นั่นเอง

เพราะฉะนั้นจึงต้องมาทำความรู้จักกับผลไม้น้ำตาลสูงที่ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยง หรือรับประทานให้น้อยลงว่ามีอะไรกันบ้าง? ในบทความนี้ก็ได้คัด 7 ผลไม้ค่าน้ำตาลสูง มาเตือนให้ทุกคนระวังปริมาณในการกินกัน มาดูกันเลยว่ามีผลไม้อะไรบ้าง?

ผลไม้น้ำตาลสูงที่ผู้ป่วยเบาหวานควรรับประทานให้น้อย

ผลไม้มีทั้งรสชาติเปรี้ยวและรสหวาน ซึ่งรสหวานก็จะมีทั้งหวานน้อย หวานพอดี และหวานมาก ล้วนแล้วต้องรับประทานในปริมาณที่พอดี ไม่เช่นนั้นอาจต้องเผชิญกับปัญหาปริมาณน้ำตาลพุ่งสูงอย่างแน่นอน โดยจะมีผลไม้น้ำตาลสูงที่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน ดังนี้ 

ทุเรียน

ทุเรียนเป็นผลไม้สุดโปรดของใครหลาย ๆ คน แต่รู้หรือไม่ว่าทุเรียน 100 กรัม มีน้ำตาลอยู่ประมาณ 21 กรัม หรือมีน้ำตาลสูงถึง 5 ช้อนชาต่อ 1 พลูเลยทีเดียว (อ้างอิงจากทุเรียนหมอนทอง) ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของทุเรียนด้วย ด้วยปริมาณน้ำตาลที่สูงมาก จึงไม่แนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานทานเลย และในผู้ที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน ก็ควรทานครั้งละไม่เกิน 1 พลู ดังนั้นสายทุเรียนต้องท่องไว้ในใจเลยว่า ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีค่า gi สูง จึงไม่ควรทานเยอะนั่นเอง

มะม่วงสุก 

มะม่วงสุก ผลไม้ยอดฮิตเมืองไทยที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และประโยชน์อีกมากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และโฟเลต เป็นต้น แถมมีรสชาติหวาน อร่อย ชื่นใจ มีเนื้อนิ่ม ๆ เคี้ยวง่าย กินเพลิน สามารถนำมาแปรรูปเป็นขนมหวานได้ด้วย แต่ที่น่าเสียดาย คือ มะม่วงสุกเป็นผลไม้น้ำตาลสูง  โดยมีปริมาณน้ำตาลอยู่ที่ 5 ช้อนชา หรือ 13.45 กรัม ต่อมะม่วง 1 ลูกเลยทีเดียว จึงเป็นอาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานควรต้องหลีกเลี่ยงนั่นเอง

กล้วยน้ำว้า

กล้วยจัดว่าเป็นผลไม้น้ำตาลสูงเช่นกัน โดยแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีปริมาณน้ำตาลสูงแตกต่างกันออกไป แต่ในกล้วยน้ำว้าเมื่อเทียบกับปริมาณ 100 กรัม พบว่ามีปริมาณน้ำตาลอยู่ประมาณ 18.3 กรัม และไม่ควรทานลูกที่สุกจนเกินไป เพราะจะมีปริมาณน้ำตาลที่สูงยิ่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งกล้วยน้ำว้าจะถูกจัดให้เป็นผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลระดับปานกลางนั่นเอง 

ลำไย        

ลำไยถูกจัดให้เป็นผลไม้น้ำตาลสูง ที่มีรสชาติหวานจัด มักนิยมทานสด และนำมาแปรรูป เช่น นำมาอบแห้งโดยไม่ต้องปรุงรสหวาน ซี่งในลำไย 100 กรัม จะมีน้ำตาลประมาณ 18 กรัม หรือ 3.5 ช้อนชาในลำไย 9 ผล สำหรับใครที่ชอบทานลำไย ขอบอกเลยว่าควรลดปริมาณลง เพราะนอกจากลำไยจะรสชาติหวานแล้ว ยังสามารถทำให้เป็นร้อนในได้อีกด้วย

ผลไม้น้ำตาลสูงที่ผู้ป่วยเบาหวานควรรับประทานให้น้อย

เงาะ

เงาะเป็นผลไม้ที่หลาย ๆ คนทราบกันอยู่แล้วว่ามีรสหวานมาก มีเนื้ออร่อยหวานฉ่ำ ทานแล้วชื่นใจ ทำให้ยากที่จะอดใจไหว จนเผลอตัวทานไปในปริมาณมากได้ แต่หารู้ไม่ว่าเงาะจัดว่าเป็นผลไม้น้ำตาลสูง  โดยมีปริมาณน้ำตาลเฉลี่ย 5-6 ช้อนชาต่อเงาะ 4 ลูก ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวานจึงไม่ควรทานเงาะเลย 

น้อยหน่า

น้อยหน่า ผลไม้เนื้อขาว รสชาติหวานชื่นใจ เป็นผลไม้สุดโปรดของใครหลาย ๆ คน แต่ว่าปริมาณน้ำตาลนั้นไม่เบาเลย ซี่งน้อยหน่า 100 กรัม มีน้ำตาลประมาณ 16 กรัม หรือ  มีน้ำตาลเฉลี่ย 4 ช้อนชา ต่อ 1 ลูก 

ลิ้นจี่

ลิ้นจี่ ผลไม้ยอดฮิตที่มีความหอมเป็นเอกลักษณ์ มีรสหวานฉ่ำ อร่อยถูกปากใครหลาย ๆ คน แต่ทั้งนี้ก็ควรทานในปริมาณน้อย ๆ เนื่องจากเป็นผลไม้น้ำตาลสูง ซึ่งลิ้นจี่ 100 กรัม จะมีน้ำตาลสูงถึงประมาณ 14.3 กรัม หรือ 3.5 ช้อนชาเลย

ผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานได้

ผู้ป่วยเบาหวานจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการควบคุมน้ำตาลเป็นสิ่งที่สำคัญ ล้วนมีแต่อาหารและผลไม้ที่ห้ามทานเยอะแยะไปหมด แต่เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่งเศร้าใจไป ยังมีผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานได้ โดยไม่จัดว่าเป็นผลไม้น้ำตาลสูง ดังนี้

  1. อะโวคาโด : มีไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณสูง แต่ให้พลังงานต่ำ ผู้ป่วยเบาหวานสามารถทานได้ ซึ่งปริมาณที่แนะนำใน 1 วัน จะสามารถทานได้ครึ่งลูกนั่นเอง 
  2. แอปเปิลเขียว : ผลไม้รสอร่อย มีความหอมและกรอบละมุนมาก  รสชาติติดเปรี้ยว ไม่หวานแบบแอปเปิลแดง จึงเป็นผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานทานได้ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ซึ่งปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ป่วยเบาหวานใน 1 วัน ควรทานไม่เกิน 4 ลูก
  3. แก้วมังกร : ผลไม้ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในร่างกาย เพราะมีสารมิวซิเลจ (Mucilage)  จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี ซึ่งใน 1 วัน ควรทานไม่เกิน 1 ลูก
  4. ฝรั่ง : ตัวช่วยดี ๆ ที่เพิ่มความสมดุลให้กับฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลภายในร่างกาย แถมยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และประโยชน์ต่าง ๆ ที่ดีต่อสุขภาพ สำหรับในผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรทานเกิน 1 ลูกต่อวัน
  5. ชมพู่ : ผลไม้ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือดและลดการอุดตันของไขมันในร่างกาย รวมถึงอุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ ที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งปริมาณที่ควรทานใน 1 วัน คือ ไม่ควรเกิน 1 ลูก
ผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานได้

ผลไม้น้ำตาลสูงสามารถทานได้ แต่ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม และไม่บ่อยครั้งจนเกินไป เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว รวมถึงไม่ก่อให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ ยิ่งโดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน ยิ่งต้องควบคุมปริมาณน้ำตาลให้ดี เพื่อไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง จนทำให้ยากต่อการควบคุมอาการโรคเบาหวาน 

ทั้งนี้การมีตัวช่วยดี ๆ อย่างผลิตภัณฑ์ลดเบาหวาน จะสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และหากทานควบคู่ไปกับการออกกำลังกายทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ก็จะยิ่งช่วยลดภาวะดื้อยาในผู้ป่วยเบาหวาน แถมยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้อีกด้วย

หากสนใจอยากซื้อสินค้าก็สามารถกดเข้าไปสั่งกันได้ที่ช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

  • หน้าเว็บไซต์ NaturalCode-Thailand.com 
  • สั่งซื้อผ่านทางอีเมล sales@naturalcode-thailand.com 
  • โทรสั่งซื้อสินค้าได้โดยตรงที่ Customer care เบอร์ 087-0891500 หรือ 02-7207920